หากคุณชื่นชอบกีฬาผาดโผน Riders Republic ถือเป็นเกมน้องใหม่ใต้สังกัดทีม Ubisoft ที่คุณต้องลองสัมผัส

Riders Republic ถือเป็นความพยายามอีกครั้งของทีมงาน Ubisoft ในการพัฒนาเกมกีฬา Open World ในรูปแบบ Online และผลงานชิ้นนี้ถือเป็นแนวทางใหม่ที่น่าสนใจ Riders Republic จะเป็นเกมตระกูลใหม่ของค่าย Ubisoft ที่จะมีแฟน ๆ เฝ้าติดตามอย่างแน่นอน

เนื้อเรื่อง / การนำเสนอ

ในฐานะเกมกีฬาแบบ Extreme เนื้อเรื่องของ Rider Republic ก็แทบจะไม่มีอะไรมาก คุณสวมบทเป็นดาวรุ่งหน้าใหม่ของวงการ ที่ฝีมือไปเตะตาตัวละครดำเนินเรื่องเข้า และเป้าหมายของคุณก็คือการไต่ระดับสร้างตำนานในฐานะยอดฝีมือกีฬาผาดโผน โดยรวม ๆ แล้วการเล่าเรื่องของเกมก็เหมือนจะเป็นข้ออ้างในการคอยแนะนำวิธีการเล่นรวมไปถึงส่งคุณไปยัง Event ต่าง ๆ ในเกมมากกว่าจะเป็นเนื้อเรื่องจริง ๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไรเพราะนี่เป็นเกมกีฬาและคงไม่มีใครสนใจจะมาหาเนื้อเรื่องสุดล้ำลึกในเกม ๆ นี้  ส่วนตัวละครทั้งสองก็จะพาคุณไปรู้จักกับระบบการเล่นพื้นฐาน วิธีการเข้าร่วม Event ต่าง ๆ พื้นฐานการควบคุม รวมไปถึงการอัพเกรดซื้อหาชุดและอุปกรณ์ใหม่ ๆ

ด้านการนำเสนอนั้น Rider Republic ก็จัดเต็มในเรื่องของ สีสัน และสไตล์ของกราฟิก ทุกอย่างภายในเกมไม่ว่าจะเป็นฉาก UI เมนูต่าง ๆ ชุดแต่งของตัวละคร บทเพลง มุ่งเน้นไปที่เรื่องของความสนุก ความ “เท่” เป็นเป้าหมายหลัก แน่นอนว่าสายกีฬาผาดโผนที่ชื่นชอบการนำเสนอที่มีความสมจริงหรือมีความจริงจังอาจจะไม่ถูกใจโทนเกมของ Rider Republic แต่สำหรับเกมเมอร์หรือคนที่ชื่นชอบการนำเสนอแบบสุดโต่งก็คงถูกใจสีสันและไอเดียเจ็บ ๆ หลายอย่างที่ทีมพัฒนายัดใส่เอาไว้ภายในเกม

อย่างไรก็ตาม มีจุดนึงที่ผมจะต้องขอบ่นเสียหน่อยก็คือเรื่องของบทพูด บทพูดของตัวละครภายในเกมนั้นมันดู “ฝืน” จนเกินทน แม้เราจะสามารถสัมผัสได้ทันทีว่าทีมงานต้องการจะนำเสนอการสนทนาแบบเท่ ๆ โดนใจวัยรุ่น แต่ภาพที่ออกมามันดันกลายเป็นภาษาที่มนุษย์ธรรมดาไม่น่าจะเอามาใช้พูดกัน แม้แต่ในวีดีโอเกมก็ตาม และแม้การพูดคุยจะไม่ใช่เนื้อหาหลักของเกมแต่ในช่วงแรกและการนำเสนอหลายฉากเราก็จะต้องทนอยู่กับบทพูดเหล่านี้

เมื่อจบโหมด Tutorial ไม่นานนักตัวเกมก็จะเปิดกว้างและมอบอิสระให้กับคุณแบบเต็มที่ และความสนุกที่แท้จริงของ Rider Rebpulic ก็จะเริ่มต้นขึ้น

รูปแบบการเล่น 

โดยแก่นหลักแล้วนี่คือเกมกีฬาผาดโผนแบบออนไลน์ Open World ตัวเกมพาคุณไปยังกิจกรรมสุดมันสะใจท้าทายความสามารถหลากหลายรูปแบบ และเมื่อยิ่งเวลาผ่านไป การแข่งขันต่าง ๆ ก็จะใหญ่ขึ้น เร็วขึ้น สนุกขึ้น  คุณจะได้ออกสำรวจโลกภายในเกมอันกว้างใหญ่ที่มีกิจกรรมมากมายรอให้คุณไปพิสูจน์ฝีมือ

ระบบ Progress ภายในเกมนั้นเน้นย้ำในเรื่องของอิสรภาพของผู้เล่น โดยเป้าหมายหลักใหญ่ ๆ ภายในเกมก็คือการไล่เก็บ “ดาว” หรือ Star ซึ่งจะได้จากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในเกม  โดย Event ใหม่ ๆ จะถูกปลดล็อกออกมาเรื่อย ๆ เมื่อคุณเก็บสะสม Star ไปจนถึงจุดที่กำหนด

ภายในเกมจะแบ่งแผนที่และชนิดกีฬาออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือโซนหิมะสำหรับ สกีและสโนว์บอร์ด ภูเขาสำหรับจักรยานภูเขา และหุบเขาสำหรับชุดวิงสูท ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกีฬาชนิดไหน Rider Republic ก็นำเสนอออกมาได้อย่างสนุกและท้าทาย ขณะเดียวกันตัวเกมก็ไม่มีการบังคับและกีดกันคุณให้ไปเล่นในกีฬาหรือกิจกรรมที่คุณไม่ชอบ สมมุติว่าคุณชื่นชอบการแข่งขันจักรยานลงภูเขาและไม่อยากไปแตะต้องกีฬาชนิดอื่น ๆ คุณก็สามารถมุ่งเน้นพัฒนาฝีมือการปั่นจักรยานลงเขาของคุณไปได้เรื่อย ๆ และตัวเกมก็จะป้อนเนื้อหา Event ใหม่ออกมาให้คุณเป็นระยะ และที่สำคัญ Event แต่ละอันยังมี Challegne ให้คุณไล่ทำเพื่อปลดล็อก “ดาว” เพิ่มอีกด้วย

การออกสำรวจโลก Open World ภายในเกมก็ยังมาพร้อมความสนุกเฉพาะตัว เพราะตัวเกมเป็นเกมออนไลน์ดังนั้นคุณก็จะได้เห็นผู้เล่นคนอื่นจำนวนมหาศาลภายในฉากกำลังทำกิจกรรมของตนเอง หรือต่อให้คุณไม่สนใจผู้เล่นคนอื่นโลกในเกมก็มีของให้คุณตามไล่เก็บ มี Stunt Challenge ให้คุณไล่ทำ และทุกอย่างก็เป็น Progress กลับไปยังระบบ Star ทำให้ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ภายในเกม Progress ของคุณก็จะขยับไปข้างหน้าอยู่เสมอ

พูดถึงโลกภายในเกม ต้องบอกเลยว่า Rider Republic มีโลก Open World ที่ยอดเยี่ยมเหมาะกับการลงไปโลดแล่นโชว์ลีลาทั้งความเร็วและท่วงท่าเป็นอย่างมาก ไม่ว่าคุณจะไปออกซิ่งในสนามแข่ง หรือไถสกีสำรวจโลก ทุกมุมทุกฉากของเกมก็น่าสนใจและเต็มไปด้วยรายละเอียด และต้องของคุณสภาพแวดล้อมอันหลากหลายที่ทำให้ผู้เล่นสามารถติดอยู่ในโลกของเกมได้แบบไม่รู้เบื่อ

สำหรับการแข่งขันหรือ Event ในเกมก็มีให้ผู้เล่นได้สนุกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งแบบ Racing ทำเวลาเข้าเส้นชัย การแข่งโชว์ลีลาใน Trick Event หรือการแข่งขันรวมสูตรสุดฮา Shak Daddy Bandit  หรืองานแข่งแบบยำรวม Multi Sport

นอกเหนือจากการเล่นแบบ Event ธรรมดาตัวเกมก็มาพร้อมกับการแข่งแบบพิเศษ ๆ อีกหลายอัน ที่โดดเด่นที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Mass Races การแข่งขันขนาดยักษ์ที่โยนผู้เล่น 64 คนลงชิงชัยแข่งขันหาผู้ชนะ ภาพเหล่า Rider คนบ้า 64 คนแข่งกันปั่นจักรยานเบียดกันลงเขาก็นับเป็นประสบการณ์การเล่นที่สนุกใช้ได้ อย่างไรก็ตามการเล่นในโหมดนี้ก็ดูจะเป็นโหมดการเล่นแบบ ขำ ๆ มากกว่าจะเป็นการแข่งแบบจริงจัง เพราะผู้เล่น 64 คนที่เบียดเสียดกันไปมาก็ยากที่จะไม่ทำให้เราหัวร้อนในบางจังหวะ ยิ่งไปกว่านั้นการเล่นในโหมดนี้จะไม่มีการ Matchmaking ผู้เล่นที่มีระดับเลเวลเท่ากัน ทำให้บางครั้งการแข่งขันในโหมดนี้ก็จะมีผู้เล่นที่เลเวลสูง ๆ อาศัย Gear ขั้นเทพแซงหน้าผู้เล่นคนอื่นตั้งแต่ต้นจนจบแบบที่เรามองไม่เห็นฝุ่นเลยด้วยซ้ำ

นอกจาก Mass Race ตัวเกมก็ยังมาพร้อมโหมด Multiplayer โหมดอื่น ๆ ทั้ง Free For All โหมดการเล่นที่ผู้เล่น 12 คนเข้าต่อสู้แข่งขันใน Play List การแข่งหลากหลายรูปแบบ การเล่นในโหมดนี้จะมีการแบ่งระดับผู้เล่นตาม Division ทำให้เราจะได้ท้าทายฝีมือกับผู้เล่นในระดับเดียวกันและพยายามไต่ Division ขึ้นไปเรื่อย ๆ

โหมด Trick Battle โหมด Multiplayer แบบ 6 VS 6  ที่อาศัยการเล่นเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ และฝีมือการกดท่า Trick ต่าง ๆ อธิบายง่าย ๆ ก็คือนี่เป็นโหมดยืดพื้นที่ ที่อาศัยการทำคะแนนท่า Trick และการร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีม และถือเป็นโหมดการเล่นที่สนุกอีกเช่นกัน

อย่างไรก็ตามข้อเสียสำคัญที่สุดสำหรับโหมด Multiplayer ในตอนนี้ก็คือ นอกจากโหมด Mass Race แล้ว อีกสองโหมดที่เหลือถือว่าใช้เวลาในการหาห้องค่อนข้าง “นาน” เลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องรอดูกันอีกว่าความนิยมของตัวเกมจะเป็นยังไงและ Rider Republic จะรักษาฐานผู้เล่นในโหมด Mutliplayer เอาไว้ได้สำเร็จหรือเปล่า

ประสิทธิภาพ

Rider Republic นั้นมีกราฟิกที่สวยงามและเล่นได้อย่างลื่นไหล ตัวเกมแสดงผลโลกขนาดใหญ่ไปจนถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในฉากได้อย่างน่าประทับใจ ฉากการแข่งที่มีจำนวนผู้เล่นเยอะ ๆ ก็ไม่มีอาการสะดุดให้เห็นแต่อย่างใด จุดที่ตัวเกมทำได้ดีคือการแสดงความเร็วออกมาได้อย่างถึงใจ การปั่นจักรยานลงภูเขาในมุมมองบุคคลที่หนึ่งน่าจะถูกใจแฟนเกมจักรยานอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามตัวเกมก็พบปัญหาอยู่บ้างในส่วนของการเชื่อมต่อในโหมด Multiplayer นอกจากการหาห้องเล่นที่ค่อนข้างนานบางครั้งผมยังพบกับปัญหาอาการหลุดออกจากการแข่งหรือพบว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ มีอาการกระตุกให้เห็นแบบชัดเจน

อีกจุดที่ต้องพูดถึงคือเรื่องของการบังคับ แม้อาจจะเรียกไม่ได้ว่าเป็น “ข้อเสีย” แต่ตัวเกมนั้นเหมาะกับการเล่นโดยใช้ Controller มากกว่า Keyboard แบบชัดเจน ดังนั้นผู้เล่นบน PC ก็ขอให้เตรียม Controller เอาไว้ให้พร้อมหากอยากสนุกกับตัวเกมแบบเต็มอิ่ม